วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

อนุทินที่ 5 วิเคราะห์ข่าวที่เกี่ยวแย้งของพระที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

คำชี้แจง ให้นักศึกษาวิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับการขัดแย้งของพระที่เกิดขึ้นในสภาพปัจจุบัน อาทิ พระธรรมกาย

ยกสุดท้ายธรรมกาย เดิมพันความเชื่อมั่น คสช.
25 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 13:32 น.



            ต้องถือว่าเป็น “ยกสุดท้าย” กับการบุกค้นวัดพระธรรมกายเพื่อติดตามตัว พระเทพญาณมหามุนี หรือธัมมชโย มาดำเนินคดีรอบนี้​ ​ซึ่งรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งสัญญาณ เอาจริงหวัง “ปิดเกม” ให้ได้โดยเร็ว หลังจากดึงเกมยื้อมานานพอสมควร

               ครั้งนี้ถึงขั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.​ออกคำสั่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นเขตพื้นที่ควบคุมอำนวยความสะดวกให้เข้าไปตรวจค้น พร้อมประกาศว่าจะไม่ยกเลิก​คำสั่งจนกว่าจะนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ปัญหาส่วนหนึ่งอยู่ตรงที่บรรดาศิษยานุศิษย์ที่ออกมาแสดงพลังปกป้องขัดขวางเข้าตรวจค้นของเจ้าพนักงาน จนนำไปสู่การปะทะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อาจผลีผลามเข้าไปปูพรมตรวจค้นในพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ได้อย่างที่ควรจะเป็น ​
          ทางฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐเข้าใจความสุ่มเสี่ยงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งที่จะไปเข้าทางผู้ที่ต้องการให้ความรุนแรง เพื่อลดทอนความชอบธรรมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทำให้ที่ผ่านมาพยายามลดความสุ่มเสี่ยงได้ แต่ปักหลักอยู่บริเวณพื้นที่นอกวัด  ไม่ต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ได้แต่ดูเชิงขอหมายค้น หมายจับ นวดกันอยู่หลายรอบ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่กับการบังคับใช้กฎหมายจนไม่อาจ “ยื้อ” ต่อไปได้อีก  กลายเป็นแรงบีบให้ภาครัฐต้องออกมาเร่งปิดเกมและนำมาสู่การปฏิบัติการบุกค้นครั้งนี้ แน่นอนว่าการดำเนินการครั้งนี้​ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะมีสัญญาณไฟเขียวพร้อมอำนาจพิเศษเรียบร้อย เพราะบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งที่ปักหลักคอยทำหน้าที่เป็นโล่มนุษย์อยู่ภายในวัดและยังมีความพยายามระดมเข้ามาเสริมทีมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเวลานี้กำลังเปิดหน้าเรียงแท่งปูนตั้งแนวรับอย่างขันแข็ง
          ทางเจ้าหน้าที่เองย่อมปฏิบัติการตามหลักสากลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เริ่มจากการเจรจาเพื่อเข้าไปตรวจค้นอย่างละเอียด ซึ่งผลการเจรจาก็ออกมาอย่างที่คาด พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ประกาศชัดเจนไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปภายในวัดอีก เนื่องจากตรวจค้นวัดเสร็จสิ้นแล้ว “วัดให้ความร่วมมือมาตลอด แต่เนื่องจากวัดนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือญาติโยม
          หากจะบอกว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางวัด และจะให้ออกนอกพื้นที่ พวกเขาจึงมองว่าไม่ถูกนัก ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่เองก็เข้าตรวจค้นในทุกพื้นที่แล้ว ถือว่าเสร็จสิ้นแล้วก็ควรจะยกเลิกมาตรา 44 ได้แล้ว” พระสนิทวงศ์ กล่าว สัญญาณตรงนี้​ทำให้เชื่อได้ว่าปฏิบัติการนับจากนี้คงจะเต็มไปด้วยความยากลำบากและเปราะบาง ดังจะเห็นจากรัฐบาลพยายามใช้มาตรการกดดันด้านอื่นๆ ทั้งแนวคิดที่เตรียมจะตัดน้ำตัดไฟ ​ไปจนถึงกรณี สุรชัย ขันอาสา ผวจ.ปทุมธานี มีหนังสือด่วนอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. และมาตรา 44 เรียกนายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี เมืองท่าโขลง อ.คลองหลวง นายก อบต.คลองส​าม สมาชิก อบต.คลองสาม กำนันตำบลคลองสาม และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 มาเป็นทีมเสริม
          ทางด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาระบุว่าอาจเข้าตรวจค้นภายในพื้นที่วัดบริเวณโซนเอและบีอีกครั้ง แต่คงไม่เสร็จภายในวันเดียว ปฏิบัติการครั้งนี้จึงมีแนวโน้มยืดเยื้อและใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ทั้งหลายทั้งปวงนี่ถือเป็นเดิมพันและบทพิสูจน์ฝีมือครั้งสำคัญของ คสช.ว่าจะสามารถติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้อย่างที่สังคมคาดหวังและกำลังจับตาหรือไม่ ประการแรกเพราะ​ครั้งนี้รัฐบาล คสช.ประกาศเอาจริงถึงขั้นใช้มาตรา 44 เข้ามาอำนวยความสะดวก พร้อมส่งกำลังเจ้าหน้าที่หลายร้อยคนเข้าร่วมปฏิบัติการติดตามตัว ต่างจากที่ผ่านมาที่มีความเป็นห่วงกลัวการกระทบกระทั่งจนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กลัวจะเป็นมวยล้มต้มคนดูเสียมากกว่า
          ประการต่อมาหากไม่สามารถจับกุมตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีได้ย่อมสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตอกย้ำปัญหาที่เรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เมื่อเวลานี้รัฐบาล คสช.มีอำนาจเต็มอยู่ในมือ การดำเนินการจัดการย่อมได้เปรียบกว่าทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ เครื่องไม้เครื่องมือรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ ดังนั้น หากปฏิบัติการครั้งนี้ไม่สำเร็จย่อมต้องโดนถล่มไปตามลำดับตั้งแต่ คสช.ไล่มาจนถึงหน่วยข่าวขาดประสิทธิภาพ ไม่อาจติดตามตัวคนคนเดียวมาดำเนินคดี ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จัก ยากจะหลบหนีไปกลบดานที่ไหน หรือหนีออกนอกประเทศ สอดรับกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องแผนการ ซึ่งต้องการเปิดช่องให้การหลบหนีหลีกเลี่ยงการปะทะ หรือลุกฮือของลูกศิษย์ที่จะออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้เกิดการปล่อยตัวในอนาคต แถมยังอาจใช้โอกาสอึมครึมระหว่างการติดตามตัวพระธัมมชโยเข้าไปตรวจค้นภายในวัด และสลายเครือข่ายที่มาการจัดตั้งเหนียวแน่นให้อ่อนกำลังลงไปจนไม่อาจกลับมาสร้างแรงเสียดทานให้ คสช.ในอนาคต ผลของการติดตามตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีในรอบนี้ จึงถือเป็น “เดิมพัน” สำคัญที่จะชี้วัดความเชื่อมั่นที่มีต่อ คสช.ในเวลานี้ที่จะส่งผลไปถึงอนาคต

วิเคราะห์ข่าว ยกสุดท้ายธรรมกาย เดิมพันความเชื่อมั่น คสช.
          คสช. มีการใช้มาตรการ 44 ที่เป็นมาตรการเด็ดขาด เพื่อปิดเกมในการติดตามตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดี สาเหตุที่ คสช. ต้องใช้มาตรการ 44 นี้ก็เพราะว่าพระธัมมชโย ซึ่งผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 1,400  ล้านบาทไม่ยอมมามอบตัว อีกทั้งพระธัมมชโยยังให้ศิษยานุสิษย์ออกมาแสดงพลังปกป้องเพื่อขัดขวางเจ้าหน้าที่ และขัดขืนเจ้าหน้าที่จนทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการติดตามตัวพระธัมมชโย ทำให้คดียืดยื้อและทำให้คดีจับกุมตัวพระธัมมชโยสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรม หากว่าการจับตัวพระธัมมชโยครั้งนี้ไม่สำเร็จก็ย่อมบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการทำงานของคสช. หน่วยข่าวที่ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน

          จากข่าวยกสุดท้ายธรรมกาย เดิมพันความเชื่อมั่น คสช.ดิฉันคิดว่าต้นเหตุเกิดจากบุคคลเดียวที่ทุจริตและหนีคดี สร้างความเชื่อผิดๆให้ศิษยานุศิษย์ให้ออกมาขัดขวางการทำงานและยื้อเจ้าหน้าที่เอาไว้ และสร้างความเชื่อผิดๆไว้กับ คสช.  จนส่งผลให้คดียืดยื้อไม่จบสิ้น พระธัมมชโยยังความเดือดร้อนแก่ประเทศไทย พระธัมมชโยเป็นพระที่)ฏิบัติผิดในกฎระเบียบวินัยของพระ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของพระ อีกทั้งยังสร้างความเสื่อมในวงการพระและสร้างความเสื่อมเสียให้กับชาวไทยอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น